อนุทิน กิน น้ำแข็งเปล่า ก็อร่อย หากใช้เวลาฉลองปีใหม่ ร่วมครอบครัว ชี้ตนยังเป็นห่วงว่าสถานบันเทิงว่าอาจแพร่เชื้อโควิดได้ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการ-มอบนโยบายแก่ผู้บริหารและคณะทำงานระดับพื้นที่แต่ละจังหวัด เตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาคเหนือ ที่โรงแรมท็อปแลนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.พิษณุโลก
โดยนายอนุทินได้กล่าวถึงประเด็นการเปิดสถานบันเทิง
ที่ผู้ประกอบการร้องขอให้เปิดเร็วขึ้นนั้น นายอนุทิน บอกว่าจะดูสถานการณ์เป็นโซน เป็นเวลา เป็นจังหวัด เพราะยังคงมีความน่ากลัวในเรื่องของการติดเชื้ออยู่ ด้านการปรับสีพื้นที่นั้น จะเน้นจากปริมาณและอัตราส่วนของการได้รับวัคซีนของประชาชนในแต่ละจังหวัด จะเห็นได้ว่ามีบางจังหวัดที่เปิดมาตรการผ่อนคลายบ้างแล้ว จึงค่อยๆ ขยับสี
“ยืนยันว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดในการติดเชื้อก็คือ การเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เพราะว่าจะมีความใกล้ชิดกัน การรวมกลุ่ม ใช้ภาชนะร่วมกัน ทั้งอาหาร น้ำแข็ง กรมควบคุมโรคจะพยายามหามาตรการ ถ้าเราฉีดวัคซีนกันทั่วถึงแล้ว และใช้มาตรการ COVID-FREE SITTING มาตรการ D-M-H-T-T ควบคู่กันไป และค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการให้เร็วที่สุด เพื่อให้เราได้ฉลองปีใหม่ดีกว่าไม่ได้ฉลอง การที่เราได้กลับบ้าน ได้พบครอบครัว ญาติพี่น้อง เวลาอยู่ด้วยกันกินน้ำแข็งเปล่าก็อร่อยแล้ว”
ไอซ์ รักชนก เตรียมเดินทางไปยัง สน.คลองสาน ในวันนี้ เพื่อดำเนินคดี ต้อม ยุทธเลิศ หลังจากที่เธอกล่าวหาว่าผู้กำกับชื่อดังทำร้ายร่างกายตน ไอซ์ รักชนก ศรีนอก กลุ่มพลังคลับเฮาส์ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก จากกรณีที่เธอกล่าวหาว่าเธอถูก ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับชื่อดัง ตบหน้าและถีบท้องหลังนัดเคลียร์ใจถึงปัญหาเรื่องม็อบการเมือง ที่ท่าเรือแถวคลองสานเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดย ไอซ์ รักชนก เผยว่า เธอเตรียมไปให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ที่ สน.คลองสาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ในวันที่ 23 พ.ย. นี้ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เธอถูกตบหน้าสองครั้ง ขณะที่ทั้งสองกำลังเคลียร์ใจในประเด็นการเมือง และเธอถูกถีบอีกหนึ่งครั้ง หลังจากที่เธอเข้าไปถามถึงสาเหตุที่เธอถูกทำร้ายร่างกายและทวงคำขอโทษจากผู้กำกับคนดังกล่าว ด้านผู้ถูกกล่าวหาได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ข่าวเด่น’ ช่อง TOP NEWS พร้อมระบุว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นการทะเลาะวิวาทของคนเมาเท่านั้น พร้อมระบุว่า หากคู่กรณีถูกตบหน้าจริงหน้าต้องมีรอยช้ำบวมหรือมีหลักฐาน
‘ประยุทธ์’ ปลื้ม ปชช. เที่ยวไทย เผย เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 เงินสะพัดห้าพันล้านบาท
ธนกร ออกมาเปิดเผยว่า ประยุทธ์ เป็นปลื้ม หลังผลตอบรับมาตรการเปิดประเทศออกมาดีเยี่ยม เผย เราเที่ยวด้วยกัน เฟสสาม เงินสะพัด 5 พันล้านบาท นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลื้มผลตอบรับหลังมาตรการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ในพื้นที่ 17 จังหวัดสีฟ้า หรือ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวไทย
ตั้งแต่มีการเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เดือนตุลาคม มีประชาชนมั่นใจออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ ผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” ทำให้มีเม็ดเงินภายในระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เข้าสู่ระบบภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการแล้วกว่า 5,186.1 ล้านบาท ยอดรวมการลงทะเบียน 909,937 คน ยอดการใช้สิทธิ์จองโรงแรมที่พัก 4,113 แห่ง คิดเป็น 1,296,872 ห้อง
โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายโรงแรม/ที่พัก รวม 4,753.9 ล้านบาท และยอดการใช้จ่ายคูปองส่วนลดในร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ร้านสปา/นวด และอื่น ๆ รวม 435.6 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ย. 64) รวมทั้งในช่วงเทศกาลลอยกระทง อัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ในหลายพื้นที่ขยับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 โดยเฉพาะในบางจังหวัดใกล้กรุงเทพมหานคร มีอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 80 – 90 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มีการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 – 21 พ.ย. 64 จำนวน 85,608 คน โดยเดินทางมาจากประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร รัสเซีย และฝรั่งเศส
ขณะเดียวกัน มีจำนวนผู้ยื่นขอลงทะเบียน Thailand Pass สะสมแล้วจำนวน 239,115 คน และได้รับการอนุมัติแล้ว 186,836 คน ขณะที่ ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศไทยต่ำกว่า 7,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการควบคุมโรคควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวแก่ชาวต่างชาติได้
นายธนกร กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค. ยังเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศเพิ่มเติมในจังหวัดที่พร้อม ตามแผนการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย (Safety Entry) โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาได้มีการประชุมปฏิบัติการร่วมกับจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจะมีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แรงงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ.
และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อหารือถึงเปอร์เซ็นต์การฉีดวัคซีนในพื้นที่ ความพร้อมในการเปิดจังหวัด ตามแผนเร่งรัดในการรองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย (Smart Entry) ซึ่งในเฟส 1 (1 – 30 พ.ย. 64) ประสบความสำเร็จในการเปิดพื้นที่นำร่องเที่ยว 17 แล้ว ต่อไปในเฟส 2 ช่วงเวลา 1 – 31 ธ.ค. 64 เตรียมแผนขยายพื้นที่นำร่องเที่ยวเพิ่มเติมอีก 16 จังหวัด รวมเป็น 33 จังหวัด และปีหน้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ยังเตรียมเปิดเพิ่มอีก 12 จังหวัด รวมเป็น 45 จังหวัด ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามความพร้อมจังหวัดและความสมัครใจของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง