ชัชชาติ ชี้แจงกรณีพบประชาชน เสพกัญชาเสียชีวิต ขอผลชันสูตรชัดเจน อาจเป็นโรคประจำตัว สั่งประกาศใช้นโยบายโรงเรียนปลอดกัญชา นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานว่ามีผู้เสพกัญชาเสียชีวิต และมีผู้เสพกัญชาเกินขนาด 4 ราย เบื้องต้นยังไม่ทราบผลชันสูตรแน่ชัดว่าเสียชีวิตจากัญชาหรือเสียชีวิตจากโรคประจำตัว
โดยนายชัชชาติกล่าวว่า “การชันสูตรยังไม่ชัดเจน ก็เป็นข้อมูลให้รับทราบว่ามันมีความเสี่ยงตรงนี้ให้ระวัง กรณีเคสคนที่เสียชีวิต
เมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน) สำนักการแพทย์ยังไม่ได้ทำการชันสูตรที่ละเอียดนักว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว หรืออะไร ต้องไปดูอีกทีว่าสาเหตุการตายคืออะไร สิ่งที่ กทม.ทำคือต้องเฝ้าระวัง เราต้องทำตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดข้องนโยบายจากรัฐบาล ในฐานะผู้ปฏิบัติ เราต้องระวังตัว เตรียมการด้านสาธารณสุขให้พร้อม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสั่งการอะไรไปยังโรงพยาบาลหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ให้เฝ้าระวังและเตรียมสังเกตการณ์เก็บข้อมูลเพราะอยากจะได้ข้อมูลเหมือนกัน หากมีข้อมูลจะได้รายงานทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต่อไป
“อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของโรงเรียนในสังกัด กทม.ที่จะต้องเร่งสร้างความเข้าใจในเรื่องของกัญชาว่ามีผลดีและผลเสียอย่างไร ต้องให้ความรู้ทั้งครูและนักเรียน เรามีนโยบายทำโรงเรียนปลอดกัญชา กำลังดูรายละเอียดการออกคำสั่งอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีพื้นที่ตรงไหนที่จะเน้นเป็นพิเศษ เพราะของแบบนี้มันกระจายได้หมด ก็ควรจะปฏิบัติเหมือนกันทุกพื้นที่” นายชัชชาติกล่าว
ขณะที่ นายแพทย์สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานครให้สัมภาษณ์กับทางช่อง 3 ว่า ผู้เสียชีวิต เป็นชาย อายุ 51 ปี มาด้วยอาการแน่นหน้าอก ญาติส่งตัวมาที่ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เวลา 22 นาฬิกา ของวันที่ 12 มิถุนายน โดยให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยสูบกัญชาเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล แพทย์ได้ตรวจและส่งรักษา ด้วยอาการแน่นหน้าอก และหัวใจล้มเหลว ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในวันที่ 13 มิถุนายน (ช่วงรอยต่อคืน 12 มิถุนายน เข้าสู่วันที่ 13 มิถุนายน)
ทั้งนี้ญาติให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เสพกัญชา เวลา 20 นาฬิกา ก่อนญาติไปพบและส่งตัวมารักษา เวลา 22 นาฬิกา จากนั้นได้แจ้งญาติให้รับทราบ ซึ่งญาติเองก็ไม่ติดใจสงสัยสาเหตุ ในการเสียชีวิต แพทย์ไม่ได้ส่งศพชายคนดังกล่าวไปผ่าชันสูตร และนำไปประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
พลิก! สาวทอมพลเมืองดี เป็นแม่ ทารกถูกทิ้ง รับถูกผู้ชายปล้ำตอนเมา
สาวทอมพลเมืองดี สารภาพเป็นแม่ ทารกถูกทิ้ง รับถูกผู้ชายปล้ำตอนเมา ไม่รู้ใครเป็นพ่อเด็ก เบื่องต้นตำรวจประสานครอบครัวให้รับเด็กกลับไปดูแล จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) มีสาวทอมพลเมืองดีพบเด็กทารกอายุประมาณ 6-7 วัน ถูกทิ้งไว้ในถังขยะบริเวณทางเข้าหน้าหมู่บ้าน ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือพบว่าตามตัวถูกมดกัดเป็นตุ่มแดงทั่วตัว แต่เด็กมีสุขภาพแข็งแรง
ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า พลเมืองดีคนดังกล่าวเดินออกมาจากหมู่บ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เดินผ่านถังขยะเลยไปร้านค้า หลังจากนั้นพลเมืองดีคนดังกล่าวได้เดินกลับมาแต่ไม่ได้แวะดูที่ถังขยะตามที่อ้าง ทางชุดสืบสวนมั่นใจว่าพลเมืองดีคนดังกล่าวน่าจะสร้างเรื่องขึ้นมา
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญ น.ส.นนพรรณ อายุ 20 ปี สาวทอมพลเมืองดีคนดังกล่าว ซึ่งจากการสอบปากคำนั้น ท้ายที่สุด น.ส.นนพรรณ ยอมเขียนจดหมายสารภาพส่งให้ตำรวจ โดยมีข้อความว่า
“เด็กเป็นลูกหนูเอง เมื่อวานคลอดเขาออกมาอยู่ในห้องน้ำชั้นบนตอนป้ากับแฟนกำลังจะไปทำงาน หนูไม่มีกำลังไม่มีปัญญาจะเลี้ยง ไม่อยากเอาเขาไปทิ้งหนูทำไรไม่ถูกตกใจมากบอกที่บ้านไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ เมื่อวานหนูไม่ได้ออกไปไหนอยู่บ้านทั้งวัน ไม่รู้จะบอกใครยังไง ไม่รู้จะเอาทิ้งไปไว้ที่ไหนจะทิ้งก็ทำไม่ลง บ้านที่อยู่ก็มาอาศัยป้าแฟน แฟนก็ไม่รู้ว่าหนูท้อง ทั้งบ้านไม่มีใครรู้เลย หนูไม่มีกำลังไม่มีปัญญาจะเลี้ยงจริงๆ ที่ไม่กล้าเล่าหนูกลัวแฟนโดนข้อหาแจ้งความเท็จไม่อยากให้เขารับรู้ด้วยกลัวเขาเดือดร้อน”
ตนไม่ได้ทิ้งเด็กในถังขยะตามที่ให้การตอนแรก ตนทำไม่ลงที่จะนำเขาไปทิ้งอย่างนั้น เลยหาทางออกด้วยการโกหก น.ส.นนพรรณ ยอมรับว่า ช่วงกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดได้นั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนผู้ชาย แล้วถูกเพื่อนปล้ำไม่ทราบว่าตั้งท้องและไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อเด็ก เบื้องต้นตำรวจจะประสานญาติของ น.ส.นนพรรณ ให้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อไปรับเด็กกลับมาเลี้ยงดูต่อไป
มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณเกาะบอร์เนียว มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย และชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง